“ท้องอืด อย่าปล่อยไว้!” มาบรรเทาความอึดอัดด้วยวิธีขับลมง่าย ๆ คลายแน่นท้อง

อาการท้องอืดมักเกิดจากพฤติกรรมการกินในชีวิตประจำวันของเรา ซึ่งหลายครั้งเราอาจเผลอกินจุเวลามีนัดปาร์ตี้สังสรรค์ รวมไปถึงการใช้ชีวิตที่เร่งรีบในปัจจุบันทำให้เราต้องกินอย่างรีบร้อน หรือกินแล้วไม่ค่อยได้ขยับร่างกายด้วยวิถีการทำงานที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมเป็นหลัก ปัจจัยต่าง ๆ เหล่านี้ ล้วนมีส่วนทำให้เกิดอาการท้องอืดเนื่องจากอาหารไม่ย่อย หรือมีแก๊สในทางเดินอาหารมากเกินไป

 

วิธีแก้อาการท้องอืดง่าย ๆ หลังเจอมื้อหนัก

โดยปกติแล้วร่างกายจะสามารถกำจัดลมในท้องออกไปด้วยการเรอหรือผายลม แต่ในบางครั้งเราก็อาจเกิดอาการท้องอืดเป็นเวลานานหลายชั่วโมง พ่วงกับมีอาการจุกเสียด แน่นท้อง หรือหนักถึงขั้นคลื่นไส้ อาเจียน

ดังนั้น หากเกิดอาการท้องอืดก็ไม่ควรต้องทนทรมานกับความอึดอัด หรือรอให้อาการรุนแรงขึ้น แต่เราสามารถแก้อาการเบื้องต้นด้วยวิธีขับลมง่าย ๆ ดังนี้

  • ใช้ยาช่วยย่อย และยาขับลมในกระเพาะอาหารและลำไส้ เพื่อลดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ
  • ขยับร่างกายด้วยการเดินช้า ๆ หลังมื้ออาหาร เพื่อไล่ลมและกระตุ้นการย่อยอาหาร
  • ไม่สวมเสื้อผ้าที่รัดแน่นเพราะจะยิ่งไปเพิ่มความดันในช่องท้อง
  • นวดเบา ๆ บริเวณหน้าท้อง เพื่อกระตุ้นการย่อยอาหาร และไล่ลมออกจากท้อง

 

 

อาการแบบไหน ควรรีบไปพบแพทย์

แม้เราจะสามารถใช้วิธีขับลมด้วยตัวเองเมื่อเกิดอาการท้องอืด รวมไปถึงการใช้ยาขับลมหรือยาช่วยย่อยเพื่อบรรเทาอาการ แต่ถ้าคุณมีอาการท้องอืด แน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อยบ่อย ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานานก็อย่านิ่งนอนใจ เพราะนั่นอาจเป็นสัญญาณของโรคในระบบทางเดินอาหาร

โดยหากคุณมีอาการท้องอืดมานานเกิน 2 สัปดาห์ หรือกินยาแล้วไม่ดีขึ้น รวมถึงมีอาการอื่นร่วมด้วยก็ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อรับการวินิจฉัยเพิ่มเติม

 

อาการแบบไหน ควรรีบไปพบแพทย์

  • อาเจียนบ่อยติดต่อนาน ๆ หรืออาเจียนเป็นเลือด
  • ท้องอืด แน่นท้อง ปวดท้องรุนแรง
  • มีอาการซีด ตัวเหลือง ตาเหลือง
  • ท้องผูกสลับท้องเสีย มีพฤติกรรมการขับถ่ายที่เปลี่ยนไป 
  • อุจจาระมีสีคล้ำ หรือมีมูกเลือดปน
  • เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย น้ำหนักลดผิดปกติ
  • ผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป หรือมีญาติสายตรงที่มีประวัติเป็นมะเร็งในระบบทางเดินอาหาร 

 

อาการท้องอืด แน่นท้อง หรืออาหารไม่ย่อย เป็นอาการทั่วไปและไม่ใช่โรคร้ายแรง แต่ถ้าหากเป็นบ่อยและสะสมมาเป็นเวลานาน หรือมีอาการอื่นร่วมด้วยก็ไม่ควรชะล่าใจ เนื่องจากถ้าปล่อยไว้อาการต่าง ๆ ก็อาจรุนแรงขึ้น หรือซ้ำร้ายอาจกลายเป็นโรคร้ายที่คุณไม่คาดคิด

เพราะฉะนั้นจึงควรหมั่นสังเกตตัวเอง หากมีอาการเหล่านี้ควรรีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาโรคอย่างละเอียด และรับการรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ ก็จะมีโอกาสหายจากอาการและโรคในระบบทางเดินอาหารได้

แชร์บทความนี้